กัปตันทีมปาชูก้าปฏิเสธคำพูดเหยียดผิวของอันโตนิโอ รูดิเกอร์ พร้อมอธิบายว่าเขาพูดอะไรจริงๆ
หลังจากจบการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลกระหว่างเรอัล มาดริด กับปาชูก้า ก็มีเรื่องอื้อฉาวเกิดขึ้นเกี่ยว
กับเหตุการณ์เหยียดเชื้อชาติที่คาดว่าเกิดขึ้นระหว่างอันโตนิโอ รือดิเกอร์และกุสตาโว กาบรัล กัปตันทีมปาชูก้า
รือดิเกอร์กล่าวหาว่ากองหลังชาวอาร์เจนติน่าพูดจาเหยียดเชื้อชาติในช่วงนาทีสุดท้ายของเกม
ส่งผลให้ผู้ตัดสินต้องส่งสัญญาณว่าฟีฟ่าได้ดำเนินการตามมาตรการต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติ
การกระทำดังกล่าวทำให้มีการสอบสวนอย่างเป็นทางการในเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม กาบรัลได้ออกมาตอบโต้ข้อกล่าวหาดังกล่าวอย่างเปิดเผย
โดยปฏิเสธอย่างหนักแน่นว่ามีการใช้ถ้อยคำเหยียดเชื้อชาติหรือพูดจาเหยียดเชื้อชาติระหว่างการโต้ตอบกัน
ในแถลงการณ์หลังการแข่งขัน ชายวัย 39 ปีได้ชี้แจงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและพยายามอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้นในสนาม
“ผู้ตัดสินส่งสัญญาณว่าเป็นการเหยียดเชื้อชาติ แต่ไม่มีอะไรในลักษณะนั้นเลย
ผมใช้คำว่า ‘cagón de mierda’ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราพูดกันบ่อยมากในอาร์เจนตินา
มันไม่ใช่การเหยียดเชื้อชาติ ผมพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
เขาอธิบายเพิ่มเติมว่า “ถ้าคุณดูวิดีโอ คุณจะเห็นว่าผมบอกเขาว่า ‘ไอ้เวรเอ๊ย ลุกขึ้นมาซะ’
นั่นคือสิ่งที่ผมพูด ผมไม่เคยใช้คำพูดที่เหยียดเชื้อชาติหรือดูหมิ่นในลักษณะนั้น”
เหตุการณ์ที่ถูกกล่าวหานี้จุดชนวนความกังวลทันทีจากเรอัล มาดริดและชาบี อลอนโซ ผู้จัดการทีม
โดยเขากล่าวในการแถลงข่าวว่าสโมสรสนับสนุนรูดิเกอร์อย่างเต็มที่ และตอนนี้การสอบสวนของฟีฟ่าต้องดำเนินการตามขั้นตอน
“เราเชื่ออันโตนิโอ การเหยียดเชื้อชาติเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้” อลอนโซกล่าว
ในตอนนี้ ฟีฟ่ายังไม่ได้ออกคำตัดสินอย่างเป็นทางการ แต่การสอบสวนยังคงดำเนินต่อไป
แม้ว่าคาบรัลจะออกมาปกป้องตัวเองอย่างแข็งกร้าวและปฏิเสธเจตนาเหยียดเชื้อชาติ
แต่สถานการณ์ยังคงดึงดูดความสนใจ และคาดว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า