การแข่งขันฟุตบอลหญิงชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป UEFA Women’s EURO 2025 รอบชิงชนะเลิศจบลงด้วยความระทึก
เมื่อทีมชาติ อังกฤษ ป้องกันแชมป์ได้สำเร็จด้วยการเอาชนะ สเปน 3-1 ในการดวลจุดโทษ หลังเสมอกัน 1-1 ในเวลา 120 นาที
โคลอี้ เคลลี่ กลายเป็นฮีโร่อีกครั้ง หลังซัดจุดโทษตัดสินเข้าประตูอย่างเฉียบขาด พา “สิงโตสาว” ผงาด
คว้าแชมป์ยูโรหญิงเป็นสมัยที่สองติดต่อกัน พร้อมทิ้งภาพแห่งชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ไว้ในหน้าประวัติศาสตร์วงการลูกหนังหญิงของยุโรป
“ฉันนิ่ง ฉันมั่นใจ และรู้ว่าบอลจะต้องเข้าแน่” เคลลี่กล่าวหลังเกม — เธอคือผู้ยิงประตูชัยในยูโร 2022 และยังกลับมาเป็นผู้ปิดฉากได้อีกครั้งในปีนี้
เกมนี้ อังกฤษตกเป็นฝ่ายตามหลังในครึ่งแรกจากประตูของ มารีโอนา กัลเดนเตย์ ในนาที 25
ที่ยิงจังหวะต่อบอลจาก โอนา บาตเญ่ ได้อย่างเฉียบคม ก่อนที่ อเลสเซีย รุสโซ่
จะโหม่งตีเสมอในนาที 57 จากการเปิดของเคลลี่ ทำให้เกมกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง
อังกฤษยังคงแสดงให้เห็นถึงสไตล์การเล่นแบบ “แชมป์เก่า” ที่อาศัยพลังจากผู้เล่นสำรองได้อย่างยอดเยี่ยม
ทั้งในเกมกับอิตาลี, สวีเดน และล่าสุดกับสเปน โดยเฉพาะในช่วงต่อเวลา ที่ทีมต้องต้านเกมรุกของสเปนอย่างหนัก
ฮันนาห์ แฮมป์ตัน ผู้รักษาประตูของอังกฤษกลายเป็นอีกหนึ่งฮีโร่ของทีม หลังป้องกันจุดโทษจาก กัลเดนเตย์
และ ไอตาน่า บอนมาติ ได้อย่างยอดเยี่ยม ขณะที่ ซัลมา ปารายูเอโล่ ตัวสำรองคนสำคัญของสเปนยิงหลุดกรอบไปเอง
แม้ คาตา คอลล์ นายทวารของสเปนจะเซฟลูกยิงจาก เลอาห์ วิลเลียมสัน กัปตันทีมอังกฤษ
และเซฟลูกแรกของ เบธ มีด ได้ แต่ก็ไม่เพียงพอเมื่อแฮมป์ตันโชว์ฟอร์มหนึบ และเคลลี่ซัดลูกปิดท้ายเข้าไป
ช่วงหนึ่งเกิดเหตุการณ์ดราม่าเล็กน้อย เมื่อมีดพลาดจุดโทษจากการลื่นจนสัมผัสบอลสองจังหวะ
แต่ได้ยิงใหม่ตามกฎใหม่ของฟีฟ่า ซึ่งในท้ายที่สุดก็ไม่ส่งผลใด ๆ ต่อผลการแข่งขัน
ด้าน มอนต์เซ โตเม่ กุนซือหญิงของทีมชาติสเปน กล่าวหลังจบเกมว่า
“ฉันคิดว่าทีมเราสมควรได้มากกว่านี้ อย่างน้อยก็ไม่ควรต้องจบด้วยความรู้สึกขมขื่นแบบนี้”
ขณะที่ ไอตาน่า บอนมาติ เจ้าของรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ ถึงกับเอ่ยว่า
“นี่มันโหดร้ายจริง ๆ เราเล่นดีกว่า มีโอกาสมากกว่า แต่ในฟุตบอล บางทีมันก็ไม่พอ”
สเปนซึ่งเป็นแชมป์โลกหญิงคนปัจจุบัน ไม่เคยตามหลังใครเลยตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ — ยกเว้นในการดวลจุดโทษกับอังกฤษครั้งนี้ที่เปลี่ยนทุกอย่าง
อังกฤษจึงคว้าแชมป์ยูโรหญิง 2025 ไปครองได้อีกสมัย พร้อมแสดงให้โลกเห็นว่า “ความเด็ดขาดในช่วงเวลาสำคัญ” คือสิ่งที่ทีมนี้มีเหนือใคร