ลุ้นสกอร์ดอทคอม
โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ กุนซือชาวออสเตรียของ คริสตัล พาเลซ ให้สัมภาษณ์กับสื่อบ้านเกิด Die Presse am Sonntag
ถึงแผนการทำทีม อนาคตในถิ่นเซลเฮิร์สต์ พาร์ก และเป้าหมายในอาชีพโค้ชของตนเอง
ก่อนหน้านี้ กลาสเนอร์ เคยแสดงความกังวลเกี่ยวกับการเสริมทัพที่ล่าช้าในช่วงซัมเมอร์ ซึ่งอาจกระทบต่อการเริ่มต้นฤดูกาล
แต่ล่าสุดเจ้าตัวยอมรับว่า เขารู้สึกผูกพันกับสโมสรแห่งนี้ พร้อมยืนยันว่าการทำทีมต้องไม่ตั้งเป้าเพียงการอยู่กลางตารางไปเรื่อย ๆ
“ถ้าเป้าหมายคือการจบอันดับ 11-15 ทุกปี ผมคงไม่ใช่คนที่ใช่ แต่ผู้บริหารบอกผมชัดว่าต้องการพัฒนาพาเลซ
และนั่นคือสิ่งที่ทำให้ผมมั่นใจ เรามีศักยภาพ และนักเตะเองก็พร้อมรับแรงกระตุ้นใหม่ ๆ”
หนึ่งในสิ่งแรกที่เขาทำเมื่อเข้ามาคุมทีมคือการปรับตารางฝึกซ้อม ลดวันหยุดนักเตะจาก 2 วันต่อสัปดาห์เหลือ 1 วัน
เพื่อแสดงความจริงจังและสร้างวินัย โดยเจ้าตัวย้ำว่าเขาไม่เชื่อในการหาข้อแก้ตัว แต่เลือกเผชิญปัญหาเป็นความท้าทาย
เมื่อถูกถามถึงนักเตะที่เป็นสัญลักษณ์ของทีมในยุคเขา กลาสเนอร์เอ่ยถึง เอเบเรชี่ เอเซ่ ว่า
“เขาคือผู้เล่นที่สร้างความแตกต่างได้ทันที ยิงประตูที่เปลี่ยนเกมให้เราชนะได้ แม้บางครั้งทีมจะไม่ได้เล่นสมบูรณ์แบบก็ตาม”
กุนซือวัย 50 ปียังกล่าวถึงเป้าหมายในฤดูกาลนี้ว่า ขึ้นอยู่กับตลาดซื้อขายนักเตะ หากเสียแข้งสำคัญโดยไม่ได้เสริมทดแทน
จะเป็นเรื่องยากในการรักษาหรือยกระดับทีม แต่หากทำได้ เขามองว่า พาเลซ มีศักยภาพจบครึ่งบนของตารางพรีเมียร์ลีกได้ทั้งฤดูกาล
สำหรับอนาคตส่วนตัว กลาสเนอร์ยืนยันว่าเขามุ่งมั่นกับปัจจุบัน ไม่คาดเดาไกลเกินไป
แต่หากสามารถพาพาเลซยืนระยะติดท็อปฮาล์ฟได้ต่อเนื่อง เขาจะถือว่านั่นคือการคุมทีม “สโมสรใหญ่” ของยุโรปแล้ว
ท้ายสุด เขายกย่องแฟนบอลว่าเป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้
“ตอนเห็นพวกเขาฉลองที่เวมบลีย์ ผมขนลุกเลย ความสุขแบบนั้นไม่มีเงินจำนวนไหนซื้อได้
นั่นคือเหตุผลที่ผมทุ่มเวลา 70-80 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ให้ฟุตบอล แม้ต้องอยู่ไกลครอบครัว”
แม้อนาคตจะยังไม่ชัดเจน แต่ชัดเจนว่า กลาสเนอร์ พบสถานที่ที่ทำให้เขารู้สึกมีคุณค่า และอาจสร้างตำนานได้ที่ คริสตัล พาเลซ